ถ้าพูดถึง จีน กับ ไต้หวัน สิ่งแรกที่ทุกคนรู้ว่าต่างกันคงเป็น ตัวอักษรจีน ที่ใช้ไม่เหมือนกันรวมถึงคำศัพท์บางคำใช่มั้ยคะ จริงๆแล้วแอพพิเคชั่นในชีวิตประจำวันที่ใช้ก็แทบจะต่างกันโดยสิ้นเชิง ใครที่กำลังจะเดินทางไปเรียนหรือไปเที่ยว ต้องโหลดแอพให้ถูกเมืองที่จะไปด้วยนะคะ
1. การเดินทาง
ไต้หวัน จะใช้แอพที่เราคุ้นชินกันอย่าง Google Maps และใช้ Uber เป็นการเรียนรถแท็กซี่
แต่ที่ จีน นั้นจะใช้แอพที่ชื่อว่า 高德地图 (gāo dé dìtú) เป็นแอพที่จำเป็นมากๆไม่ว่าจะทั้งไปเที่ยวหรือเรียนต่อที่จีน แอพนี้จะนำทางค่อนข้างแม่นยำรวมถึงระบุเวลาในการเดินทางให้ด้วย มีการเดินทางให้เลือกหลายโหมด เช่น การขับรถ, แท็กซี่, รถบัส, การขี่จักรยาน, รถจักรยานยนต์, การเดิน ส่วนการเรียกรถส่วนบุคคลที่จะใช้ DIDI คล้าย GRAB ในบ้านเรา แอพใช้ง่ายเป็นภาษาอังกฤษ
2. การส่งข้อความ
ไต้หวัน ใช้ Line เหมือนที่ไทยแถมยังสามารถใช้ฟังก์ชั่น Line Pay ในการใช้จ่ายตามร้านสะดวกซื้อได้ด้วย
จีน ใช้ WeChat เป็นหลักในการส่งข้อความ จริงๆ คนจีนใช้แค่ WeChat แอพเดียวก็สามารถจัดการได้เกือบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การส่งข้อความ การโทร การโพสรูป การแชร์ข้อมูลข่าสาร แชร์โลเคชั่นแบบเรียลไทม์ โอนเงิน จ่ายเงิน ส่งอั่งเปา ออนไลน์ชอปปิ้ง สมัครวีซ่า ซื้อกลุลเงิน ซื้อกองทุน และอีกมากมาย
3. แอพหาคู่
ไต้หวัน และ จีน ใช้แอพยอดนิยททัวโลกอย่าง Tinder รองลงมา ฝั่งไต้หวัน เป็น Bumble ที่ออกแบบมาให้ฝ่ายหญิงทักก่อนเท่านั้นหลังจากที่สองฝ่ายแมตช์กัน ต่อมาเป็น CMB แอพหาคู่ที่ไม่ฉาบฉวย (เท่าไหร่) อ้างอิงจากข้อมูลความชอบที่กรอก Goodnight แอพไต้หวันที่คนส่วนมากรู้จักจากการที่เหล่า Influencer ทำ Content สุ่มคุยหนุ่มจีน ฝึกภาษา หาเพื่อนคุย จุดเด่นคือเป็นการสุ่มคุยแบบไม่เห็นหน้า
จีน ใช้ Tantan มากกว่า 50% ฟังก์ชั่นคล้ายกับ Tinder แต่พิเศษกว่าคือสามารถไลฟ์และส่งของขวัญได้ด้วย แอพ Blued นิยมมากใน LQBTQ มีระบบค้นหา GPS ไลฟ์สดได้ทั้งแบบสาธารณะและส่วนตัว สุดท้ายกับแอพ Momo มี User ผู้ใช้งานมากกว่า 81 ล้านคนต่อเดือน ฟังก์ชั่นการใช้ค้ลายกับ Tinder
4. เสิรช์หาข้อมูล
ไต้หวันใช้ Google ทั่วไปในการเสิรช์หาข้อมูล แต่ จีน จะใช้แอพที่ชื่อว่า BAIDU เป็น Google เวอร์ชั่นจีนนั่นเอง และยังมี 百度翻译 Baidu Translate ที่เอาไว้ใช้แปลได้อย่างแม่นยำ จะแปลจากภาษาจีน-ไทย หรือไทย-จีนก็สามารถทำได้ การใช้งานไม่ต่างกับเวลาใช้ Google Translate
5. SOCIAL MEDIA
ไต้หวันใช้แอพสามัญอย่าง Instragram Facebook แต่ที่ค่อนข้างฮิตมากอีกหนึ่งแอพคือ Dcard ให้ความรู้สึกคล้ายกับการอ่านเว็บกระทู้พันธุ์ทิพย์ สามารถโพสหรือพูดคุยได้โดยไม่ต้องแสดงตัวตนในโลกออนไลน์
จีนก็มีแอพที่เป็นแฝดน้องของ Instagram อย่าง 小红书 (xiǎo hóng shū) นอกจากจะเอาไว้โพสรูป รีวิวต่างๆก็ยังเป็นแหล่งซื้อของออนไลน์อีกด้วย โดยผู้ใช้ส่วนมากจะเป็น Real User ผู้ใช้งานจริงที่อัดคลิปรีวิวสินค้าตามประสบการณ์จริง ส่วน Weibo คล้ายๆลูกครึ่งระหว่าง Twitter และ Facebook เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอันดับหนึ่งของจีน การโปรโมตของ Weibo เน้นไปที่กลุ่มดารา จึงทำให้ Weibo มีอิทธิพลทาง Social Media สูง
6. การซื้อของ
ไต้หวันแน่นอนว่าใช้แอพคลาสสิค Shopee แบบบ้านเราด้วยเช่นกันแตกต่างกันที่เราต้องเลือกรับของที่ 7-11 หรือ Family Mart ใกล้ที่พัก แอพ Momo เป็นบริษัทใหญ่ในธุรกิจโฮมชอปปิ้งในไต้หวันมีสินค้าให้เลือกมากกว่า 2 ล้านรายการ แอพ PC Home เป็นแอพซื้อชอปปิ้งออนไลน์ยักษ์ใหญ่เช่นกันแต่พิเศษตรงที่ส่งมากกว่า 100 ทั่วโลก
เมื่อนึกถึง จีน คงหนีไม่พ้นแอพชื่อดังอย่าง แอพ Taobao ที่พ่อค้าแม่ค้าในไทยคุ้นชินกับการสั่งของมาขายในราคาย่อมเยา เช่นเดียวกับแอพ Alibaba สินค้าจีนในแอพเป็นการขายแบบราคาส่ง ยิ่งสั่งมากก็ยิ่งถูกลง แอพเป็นภาษาอังกฤษ ใช้งานง่าย แอพ Tmall อยู่ในเครือของ Alibaba Group ส่วนใหญ่เป็นสินค้าแบรนด์เชื่อถือได้
7. ดูคลิปต่างๆ
ไต้หวันใช้แอพสามัญทั่วไปไม่ว่าจะเป็น Youtube Tiktok Netflix ส่วน จีน มีฝาแฝดอีกเช่นเคยเริ่มต้นด้วยแอพ Youku ฟังก์ชั่นการใช้งานเช่นเดียวกันกับ Youtube แต่มีการผลิตคอนเทนต์ของตัวเองด้วยเช่นกัน สามารถดูฟรีได้บางส่วน แอพ 抖音 (dǒuyīn) เป็นตัวแม่ของ Tiktok ฝั่งจีน แอพ IQIYI เด่นด้วยซีรี่ส์เกาหลี ผลิตคอนเทนต์เอง และซื้อลิขสิทธิ์ต่างประเทศ และแอพสุดท้ายของโพสนี้กับ WeTV แอพจีนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในไทย ชนะด้วยความหลากหลายของคอนเทนต์ ผู้สมัคร VIP จะได้ดูซีรีส์เร็วกว่า แต่ได้ดูจำนวนเท่ากับคนดูฟรี
หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวหรือเรียนต่อ ทั้งจีนและไต้หวันนะคะ อยากเก่งภาษาจีนหรือเริ่มเรียนจีนในปีนี้ พูดจีนได้ใน 4 เดือน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Jeanjud Study Agency ได้ทาง LINE ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย